ขอย้อนกลับไป เมื่อสักประมาณเกือบๆ 70 กว่าปีนั้น ใครที่ชอบทานอาหารจีน ย่อมรู้กันดีว่า นอกเหนือจากย่านเยาวราชแล้ว ที่จะต้องแวะมากินอีกที่หนึ่งคือ ที่ภัตตาคารมักกะสัน ย่านทางรถไฟมักกะสัน ประตูน้ำ ส่วนเมนูที่ขึ้นในยุคนั้นเห็นจะมีก็คือ ตะพาบน้ำผัดเผ็ด ขาหมูหมั่นโถว แพะตุ๋นยาจีน เป็นต้น
เนื่องจากคลุกคลีกับการทำอาหารและไม่หยุดนิ่ง จึงได้ทดลองการทำไก่ย่างขึ้น ซึ่งไก่โดยทั่วๆไป จะเป็นแบบปิ้ง คือแบะไก่ออก แล้วปิ้งแห้งๆ ซึ่งด้วยความที่มีเชื้อสายจีน ประกอบกับไก่ย่างเป็นอาหารสำหรับไทย และออกแนวอีสาน จึงได้ผสมผสานสูตร ไทย จีน อีสานเข้าด้วยกัน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณมนูก็คือไก่ย่างร้านเราจะต้อง มีความแปลกกว่าที่อื่นๆ ก็คือเป็นไก่ย่างที่ใช้แกนหมุนขณะที่ไก่ย่างเจ้าอื่นๆ จะแบะอกออกมาแล้วเสียบไม้ย่าง
คุณมนูบอกว่าเขาได้แนวคิดมาจากเป็ดปักกิ่งที่ย่างแบบนี้แล้วหนังจะกรอบเนื้อข้างในจะนุ่ม ส่วนสูตรเครื่องหมักไก่ย่างนี่ก็คิดขึ้นเองซึ่งกว่าจะลงตัวก็ทดลองไปชิมไปอยู่นานพอสมควร โดยใช้ กระเทียม พริกไทย รากผักชี ขิง ข่า น้ำผึ้ง นำทั้งหมดมาบดหยาบๆ แล้วยัดใส่ท้องไก่ที่คัดพิเศษให้มีน้ำหนักประมาณตัวละ 5-6 ขีดห้ามขาดห้ามเกิน เพราะทดลองมาแล้วว่าไก่ขนาดนี้ย่างไฟประมาณ 20-25 นาทีเนื้อจะสุกหอมอร่อยได้ที ถ้าเล็กหรือใหญ่กว่านี้จะไม่อร่อย
หลังจากยัดไส้แล้วก่อนจะนำไปย่างนั้นจะนำไก่ทั้งตัวไปชุบซีอิ้ว เหล้าจีนและเครื่องสมุนไพรจีนให้ผิวชุ่มแล้วจึงนำไปย่างไฟ ที่เรียกว่าไก่หมุนเพราะคุณมนูคิดวิธีการย่างไก่แบบเบ็ดเสร็จคือมีแกนเหล็กที่นำไก่มาเสียบเรียงแถวได้ 6 ตัว มี 2 แถว ใช้เตาถ่านที่สุมไฟให้ระอุ หมุนไก่ไปเรื่อยๆ ประมาณ 20-25 นาที เนื้อไก่จะสุกพอดี
ส่วนเครื่องหมักที่อยู่ในท้องไก่จะแทรกซึมเข้าไปแทนน้ำในเนื้อไก่ที่ระเหยเพราะโดนความร้อน วิธีการนี้จะทำให้หนังไก่กรอบ ส่วนเนื้อข้างในนุ่มหอมเครื่องสมุนไพรมากๆ กินเปล่าๆ ก็อร่อยแล้ว ยิ่งได้น้ำจิ้มสูตรพิเศษของที่นี่เพิ่มความอร่อยเข้าไปอีก
ต่อมามีผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือซึ่งเป็นลูกค้าประจำได้แนะนำคุณพ่อว่าน่าจะมีชื่อที่ลูกค้าจะได้เรียกและเป็นสัญญลักษณ์ประจำ จึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น “ศิริชัย” และทางครอบครัวถือว่าเป็นชื่อที่มีสิริมงคล จึงเริ่มใช้ชื่อ”ศิริชัยไก่ย่าง” มาเรื่อยๆ
พอมีครอบครัวแล้วคุณมนูเลยชวนภรรยา (คุณพะเยาว์) ออกมาเปิดร้านศิริชัยไก่ย่างเองเป็นร้านแรกแถวลาดพร้าว บริเวณปากทางลาดพร้าว ซึ่งเป็นตึกแถวห้องเดียว มีลานข้างๆตึกเล็กน้อย ก็ขายไก่ย่าง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ช่วงนั้นยังสบายๆในเรื่องของการจอดรถ สามารถจอดที่ริมถนนได้
เปิดมาได้พักใหญ่ๆ จนรู้สึกว่าสถานที่คับแคบไม่สามารถรองรับลูกค้าได้ จึงได้ขยายไปที่บริเวณ ซอยลาดพร้าว 40 อยู่ริมถนนระหว่างซอยลาดพร้าว 40 และ 42 ซึ่งพวกเราจะเรียกติดปากว่า สาขา 3 และ บริเวณ ซอยรัชดาภิเษก 37 เมื่อก่อนเป็นชื่อซอยธนลาภ 6 (ระหว่างแยกประชานุกูล และแยกวงศ์สว่าง) หรือที่เรียกติดปากว่า สาขา 4 วงศ์สว่าง
สำหรับสาขาบริเวณปากทางลาดพร้าวปัจจุบันบริเวณซอย 3 ได้หมดสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ไปนานแล้ว คงเหลือสาขาลาดพร้าว 40 และสาขาวงศ์สว่าง (ซอยรัชดา 37) เท่านั้น
ส่วนสาขาประตูน้ำดั่งเดิม เท่าที่ทราบทางรถไฟได้ขยายสถานีรถไฟมักกะสัน ซึ่งทำให้สาขาดังกล่าวต้องปิดไป คงเหลือแต่เพียงตำนานที่เล่าขานสู่ลูกหลาน ตลอดไป
แต่ศิริชัยไก่ย่าง ของคุณมนู ยังคงอยู่เพื่อสรรสร้างตำนานให้ต่อเนื่องออกไป เฉพาะที่สาขา ลาดพร้าว บริเวณซอยลาดพร้าว 40-42 และ สาขาวงศ์สว่าง (ซอยรัชดา 37 -บริเวณระหว่างแยกประชานุกูล และแยกวงศ์สว่าง) บางซื่อเท่านั้น ลักษณะและรูปแบบของร้านก็จะปรับเปลี่ยนตามสถานที่และพื้นที่ที่เรามีอยู่ ในส่วนลาดพร้าวได้ยกก๋วยเตี๋ยวเรือที่เป็นสูตรดั่งเดิมตั้งแต่ปากทางลาดพร้าว มาไว้ให้บริการเหมือนเดิม ลูกค้ามักจะเคยชินกับการทานอาหารแบบมื้อกลางวันมากกว่า ส่วนสาขารัชดา 37 (บางซื่อ) เป็นลักษณะของสวนอาหารที่มีสองบรรยากาศสบายๆ ทั้งห้องแอร์และธรรมชาติ